วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

อาหารญี่ปุ่น (ซูชิ)


ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
อาหารญี่ปุ่นถือว่าเป็นอาหารที่ค่อนข้างโด่งดังและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ด้วยความสดใหม่ ความประณีตในการทำ รวมไปถึงรสชาติอาหารที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวทำให้อาหารญี่ปุ่นนั้นเป็นอาหารที่ค่อนข้างจะได้รับความนิยมอย่างสูง ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีหลายๆ คนอยากรู้ประวัติและความเป็นมาของอาหารญี่ปุ่นว่าจริงๆ แล้วมีต้นกำเนิดหรือมีจุดเริ่มต้นมาจากอะไรกันแน่ ลองมาทำความรู้จักกับอาหารญี่ปุ่นไปพร้อมๆ กันและนั่นอาจจะทำให้คุณอยากลิ้มลองอาหารของประเทศนี้เพิ่มมากขึ้นอีกอย่างแน่นอน
จริงๆ แล้วหากจะย้อนรอยดูต้นกำเนิดของอาหารญี่ปุ่นจริงๆ มันก็คงจะเป็นเรื่องที่ต้องย้อนกลับไปไกลหลายศตวรรษมาพอสมควร เหตุเพราะเอาในความเป็นจริงต้นตอของอาหารญี่ปุ่นก็ไม่มีใครสามารถที่จะชี้ชัดได้ว่าเกิดขึ้นจากในยุคสมัยใดเป็นยุคแรกเริ่ม แต่คำจำกัดความของอาหารญี่ปุ่น ก็คือ อาหารพื้นเมืองของประเทศญี่ปุ่นก่อนการสิ้นสุดของการปิดประเทศ เมื่อปี ค.ศ. 1868  แต่ถ้าหากมองในภาพที่ใหญ่ขึ้นหรือบ่งบอกถึงความหมายที่ใหญ่ขึ้นนั้นก็รวมไปถึงอาหารที่ใช้ส่วนผสมและวิธีในการปรุงอาหารที่ถูกรับมาจากต่างประเทศหลังจากที่มีการเปิดประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยคนญี่ปุ่นเองก็ได้มีการนำมาประยุกต์ให้เป็นตัวของตัวเองมากที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าความโดดเด่นของอาหารญี่ปุ่นนั้นจะมาจากวัตถุดิบที่มีตามฤดูกาล ความสดใหม่ และการจัดวางที่มีความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวหาใครลอกเลียนแบบได้ยาก จริงๆ แล้วอาหารญี่ปุ่นนั้นอย่างที่กล่าวไปว่าหากจะหาประวัติศาสตร์จากจุดกำเนิดที่แน่นอนคงเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก เอาเป็นว่าอาหารญี่ปุ่นเองได้พัฒนามาหลายยุคหลายสมัยเป็นเวลาหลายร้อยปี สืบเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงในด้านของสังคมและเรื่องของการเมืองภายในประเทศ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็น่าจะเป็นในยุคกลางที่ญี่ปุ่นปกครองด้วยระบบศักดินา โดยมีผู้นำที่เรียกว่า โชกุน หลังจากนั้นในช่วงต้นๆ ของยุคใหม่หลังจากที่มีการเปิดประเทศ ญี่ปุ่นเองก็ได้รับวัฒนธรรมต่างๆ มาจากนอกประเทศมากขึ้น โดยวัฒนธรรมที่เห็นชัดเจนมากที่สุดคือวัฒนธรรมจากตะวันตก และสิ่งนี้เองที่ทำให้วิถีชีวิตเรื่องอาหารการกินของคนญี่ปุ่นค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป
จากเหตุผลดังกล่าวทำให้กลุ่มของข้าพเจ้าสนใจที่จะศึกษาเกี่ยวกับอาหารญี่ปุ่นดั่งเดิมที่คนไทยส่วนใหญ่มักจะไม่รู้จัก เพราะ อาหารญี่ปุ่นที่คนไทยมักจะรู้จักเป็นอย่างดี ได้แก่ ซาซิมิ คือการนำเนื้อปลาทะเลสดๆ มาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำแล้วทานคู่กับซอสโชยุและวาซาบิ,ซูชิ คือการนำข้าวมาปั้นร่วมกับวัตถุดิบชนิดอื่นๆ อาทิ ผัก, ปลาดิบ, ไข่หวาน, สาหร่าย จากนั้นก็ทานเป็นคำๆ คู่กับโชยุ และวาซาบิ เป็นต้น

วัตถุประสงค์


 - อยากให้คนไทยได้รับลองรับชิมอาหารต่างๆโดยการเปลี่ยนรสชาติและเปลี่ยนความรู้เพื่อที่จะทำอาหารได้หลากหลายของอาหารญี่ปุ่น

- เพื่อใช้ในการศึกษาเรียนรู้ถึงวิธีการทำอาหารญี่ปุ่นที่หลากหลาย
- นำไปประกอบเป็นอาชีพเสริมเพื่อหารายได้พิเศษในวันว่าง หรือเปิดร้านขายอาหารญี่ปุ่น เช่น ซูชิ ฯลฯ
 ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า
-ศึกษาเกี่ยวกับประเภทของอาหาร
-ศึกษาเกี่ยวกับวิธีการรับประทาน
-ศึกษาเกี่ยวกับข้อดีข้อเสียของอาหาร

สิ่งที่คาดหวังว่าจะได้
จะได้รู้เกี่ยวกับอาหารญี่ปุ่น จะได้รู้เกี่ยวกับการเปิดร้านอาหาร หรือ ประกอบอาชีพ
เพื่อที่จะหารายได้เพิ่ม ได้รู้เกี่ยวกับคุณประโยชน์ และโทษของอาหารญี่ปุ่นบางชนิด
ได้แตกยอดเพิ่มเติมให้มีตัวเลือกของอาหารเพิ่มขึ้น

วิธีการทำซูชิเเบบง่ายๆ


บทที่2เอกสารที่เกี่ยวข้อง



ในการจัดทำโครงงานคอมพิวเตอร์เรื่อง
อาหารญี่ปุ่น    กลุ่มของข้าพเจ้ารวบรวมไว้ดังนี้
1.ประเภทของอาหารญี่ปุ่น
     2.วิธีการกินอาหารญี่ปุ่นให้ถูกวิธี
     3.ข้อดีข้อเสียของการกินอาหารญี่ปุ่น

ประเภทของอาหารญี่ปุ่น

                   1. เซนไซ (Sensai)หรือเรียกอย่างว่า ออเดิร์ฟ(ของฝรั่ง)ซึ่งในที่นี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
                     ออร์เดิร์ฟเย็น : คือ อาหารประเภทเสียบไม้ทอด เช่น ปลาหมึกชุบแป้งทอด
                     ออร์เดิร์ฟร้อน : คือ อาหารประเภทเนื้อสัตว์ดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ เช่น หอยลายสาเก หอยนางรม 
       2. อาหารประเภทซุป (โอวันรุย) อาหารประเภทซุป เช่น ซุปเต้าหู้ อาจเป็นทั้งซุปร้อนและเย็นก็ได้
       3. อาหารประเภททอด (อะเงะโมโหนะ)อาหารประเภททอดจะนิยมชุบแป้งทอด หรือชุบขนมปังป่น เพื่อให้สีสันและเติมเนื้อสัมผัสของอาหาร เช่น เทมปุระ กุ้งชุบขนมปังป่นทอดอาหารประเภทข้าวราดหน้าต่างๆ 
       4. อาหารประเภทข้าว นิยมใช้แกงราด หรือเนื้อสัตว์ราดและเสิร์ฟคู่กับน้ำซุป เช่น ข้าวราดหน้าแกงกะหรี่ ข้าวราดแกงปลาไหล
       5. อาหารประเภทปลาดิบ (ซาซิมิ) ชาวญี่ปุ่นจะนิยมทานปลาดิบ โดยเฉพาะปลากระพงขาว ปลาแซลมอน และปลาโอญี่ปุ่น จะมีกรรมวิธีการแล่ปลาที่ไม่ให้มีกลิ่นคาว และรับประทานคู่กับ วาซาบิ โชบุ และหัวผักกาดขาว กับแครอทขูดฝอย 
       6. อาหารประเภทกล่อง (เบนโตะ) เป็นอาหารที่ทานง่ายๆ มักใช้จัดเพื่อออกไปรับประทานนอกบ้าน เช่น ปลาดิบ ข้าวปั้น ข้าวหน้าต่าง ๆ ใส่ในภาชนะที่เป็นกล่อง แบ่งเป็นช่อง ๆ มีทั้งที่เป็นสี่เหลี่ยม และวงกลม

วิธีการกินอาหารญี่ปุ่นให้ถูกวิธี

                   1. สังเกตเรื่องความสะอาด ตั้งแต่การเตรียมอาหาร ผู้ปรุงอาหาร ตลอดจนวัตถุดิบที่ใช้ ต้องสด ใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารทะเล เช่น ปลาดิบต้องเก็บอยู่ในตู้แช่เย็น และหลีกเลี่ยงการซื้อซูชิที่เตรียมไว้นานแล้ว เพราะอากาศร้อนแบบไทย ๆ ทำให้จุลินทรีย์เติบโตได้ดี ก่อโรคต่าง ๆ แถมยังมีแมลงวันที่ไต่ตอมอาหารอีก ถ้าซื้อควรเลือกร้านสะอาดและสั่งทำใหม่ได้

                   2.เน้นอาหารที่ปรุงสุก ช่วยลดโอกาสเสี่ยงของการรับเชื้อโรค และไม่รับประทานอาหารดิบ เช่น กุ้งสุก ปลาไหลย่าง เป็นต้น ควรหลีกเลี่ยงการกินเนื้อปิ้งย่างที่ไหม้เกรียม สำหรับอาหารเกาหลี
                   3.การรับประทานอาหารญี่ปุ่นให้ได้สุขภาพดี ควรคำนึงถึงการบริโภคอย่างพอเหมาะ เพื่อสุขภาพเป็นหลักตามตำรับหรือวัฒนธรรมดั้งเดิม แต่ก็อย่าหลงตามกระแสจนลืมของดีอย่างอาหารไทย ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริกที่รับประทานกับผักพื้นบ้านนานาชนิด รวมทั้งแกงเลียง แกงส้ม หรือต้มยำ และอีกมากมายที่มีทั้งเครื่องเทศและสมุนไพรไทยที่ล้วนเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าอาหารเกาหลีหรือญี่ปุ่น
                   4.อาหารญี่ปุ่นมีลักษณะเป็น หยิน-หยาง ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญ ตามหลักคิดแบบหยินหยางตามการแพทย์แผนจีนนั้น ทุกสรรพสิ่งในโลกนี้จะประกอบไปด้วยสองด้าน ซึ่งด้านทั้งสองจะอยู่ตรงข้ามกัน แต่ต่างฝ่ายต่างต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน เพื่อช่วยรักษาสมดุลให้กับร่างกาย เช่น ชาวเกาหลีนิยมรับประทาน ซัมเกทัง หรือซุปไก่โสม เพื่อเรียกกำลังในช่วงฤดูร้อน หรือหากอากาศหนาวเย็น ร่างกายต้องการอาหารเพื่อทำให้อบอุ่น ต้องกิน ชินซอลโล หรือหม้อร้อนที่ประกอบด้วยเนื้อปลา ผัก หรือเต้าหู้ ซึ่งนิยมทานช่วงหน้าหนาว เป็นต้น 
                   5.อาหารญี่ปุ่นคือยาในชีวิตประจำวัน ชาวเกาหลีเชื่อว่า หากกินอาหารที่ไม่สอดคล้องกับสภาพร่างกายแล้ว เราอาจเจ็บป่วยได้ และหากเรามีพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสมเช่นนั้นเป็นเวลานาน โรคภัยไข้เจ็บที่เกิดขึ้นย่อมยากที่จะรักษาให้หายได้ ดังนั้น ชาวเกาหลีจึงมักใช้อาหารเป็นยา เช่น โสม ตังกุย และพืชผักสมุนไพรอื่น ๆ 

ข้อดี-ข้อเสียของการกินอาหารญี่ปุ่น


ข้อดี                 

มีไอโอดีน
มีโปรตีน
มีเกลือเเร่


ข้อเสีย

อาจทำให้ท้องเสีย
อาจได้รับเชื้อเเบคทีเรียต่างๆ
อาจทำให้เกิดโรคต่างๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น